เหรียญอาร์มสมเด็จเจ้าพระโคะ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด พิมพ์ธุดงค์ ปี2515 สงขลา สวยกริบหายากมาก ปี15ยังคงสภาพเช่นนี้ถือว่าสวยมาก เป็นเหรียญเก่าที่น่าบูชา เพราะพระหลวงปู่ทวดนั้นป้องกันนิรันตรายทุกอย่าง ท่านสร้างปาฏิหารย์ ให้ผู้คนที่บูชาท่านรอดตายมามากมาย ดั่งคำว่า ใครแขวนพระหลวงปู่ทวดไม่ตายโหง สาธุ! โอ ระยอง 0894014403
พระคาถานมัสการหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด วัดช้างไห้
"นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา"
จัดดอกไม้ธูปเทียนบูชาคุณพระศรีรัตนตรัย และคุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ แล้วว่า...นะโมฯ ๓ จบ
แล้วนำพระเครื่องหลวงพ่อทวดที่มีอยู่เข้าพนมมือเหนือหน้าอก สงบจิตบริกรรมพระคาถามากน้อยเท่าใดก็ได้ตามปรารถนาเลือกปลุกเสก วันเสาร์ วันอังคาร วันพฤหัสบดี
ชื่อของหลวงพ่อทวดที่ประชาชนทั่วไปเรียกตามประวัติมี ๖ ชื่อ คือ...
1."ปู่" เป็นชื่อที่บิดามารดาตั้งเมื่อเกิดใหม่ๆ
2.สามีราม" เป็นชื่อตามฉายาทางศาสนาเมื่อท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุ พระอุปัชฌาย์ให้ชื่อฉายาว่า สามีราโม
3.สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์" เป็นชื่อพระราชทานสมณศักดิ์ เมื่อครั้งท่านแก้ปริศนาธรรมชนะแก่พราหมณ์ทูตมืองลังกา
4.สมเด็จเจ้าพะโคะ" เมื่อท่านได้รับสมณศักดิ์ชั้นสมเด็จแล้วท่านมาบูรณะปฏิสังขรณ์และอยู่วัดพะโคะ
5.ท่านลังกา" บ้านสวนนายปัจจุบันอยู่ติดต่อทางทิศใต้ของวัดพะโคะ เดิมเป็นหัวเมืองเรียกว่าเมืองลังกาพะโคะ เมื่อท่านจาริกธุดงค์ไปสถานที่ต่างๆ
6.หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" เรียกย่อว่า "หลวงพ่อทวด" เพราะท่านเป็นพระที่สำคัญทางจิตสูงมีปาฏิหาริย์ศักดิ์สิทธิ์ สามารถทำน้ำเค็มให้เป็นน้ำจืด
ประวัติของหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด
...หลวงปู่ทวด เกิดในสมัยกรุงศรีอยุธยาในราวปี พ.ศ.2125 เป็นบุตรของ นายหู นางจันทร์ มีชื่อว่า เด็กชายปู เมื่อเกิดได้มีงูตระบองสลาตัวใหญ่มาขดพันรอบเปลขณะกำลังหลับอยู่ และงูใหญ่นั้นไม่ยอมให้ใครเข้ามาใกล้ บิดามารดาของท่านได้เกิดความสงสัยว่า พญางูตัวนั้นน่าจะเป็นเทพยดาแปลงมาให้เห็นที่น่าอัศจรรย์ในบารมีของเด็กน้อยซคคคึ่งเป็นลูกชายเป็นแน่ จึงได้รีบหาข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา แล้วงูจึงได้คลายออกจากเปลเลื้อยหายไป ด้วยความเป็นห่วงจึงเข้าดูว่าเกิดเหตุอันตรายหรือเปล่า แต่กับพบลูกแก้วอยู่ที่หน้าอกจึงได้เก็บรักษาไว้
เมื่อเติบใหญ่อายุได้ 7 ขวบ บิดาจึงได้นำไปฝากกับสมภารจวง วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) ให้เล่าเรียนหนังสือ เด็กชายปู มีความสามารถอ่านออกเขียนได้ทั้งขอมและไทยได้อย่างแตกฉาน พออายุได้ 15 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร บิดาก็ได้มอบลูกแก้ววิเศษประจำตัว สมาเณรได้ศึกษาอยู่กับสมเด็จพระชินเสน ที่วัดสีหยัง (สีคูยัง) พอครบอายุอุปสมบทได้เดินไปศึกษา ณ สำนักพระมหาเถระปิยทัสสี ได้ทำการอุปสมบทมีฉายาว่า “ราโม ธมฺมิโก” แต่คนทั่วไปเรียกท่านว่า “เจ้าสามีราม” หรือ “เจ้าสามีราโม” ได้ศึกษาอยู่ที่วัดท่าแพ วัดสีมาเมือง และวัดอื่นๆ เมื่อเห็นว่าการศึกษาที่นครศรีธรรมราชเพียงพอแล้วจึงได้ขอโดยสารเรือสำเภาเดินทางไปกรุงศรีอยุธยา เดินทางถึงเมืองชุมพร เกิดพายุเรื่อไม่สามารถแล่ฝ่าคลื่นไปได้ต้องทอดสมออยู่ถึงเจ็ดวัน เป็นเหตุให้เสบียงอาหารและน้ำหมด
บรรดาลูกเรือตั้งข้อสังเกตว่าเหตุอาเพศเกิดในครั้งนี้เพราะเจ้าสามีราม จึงได้พร้อมใจกันส่งเจ้าสามีรามขึ้นเกาะและได้นิมนต์ให้เจ้าสามีรามลงเรือมาด ขณะที่นั่งอยู่ในเรือมาด ท่านได้ห้อยเท้าแช่ลงไปในน้ำทะเลก็บังเกิดอัศจรรย์น้ำทะเลบริเวณนั้นเป็นประกายแวววาว เจ้าสามีรามจึงบอกให้ลูกเรือตักน้ำขึ้นมาดื่มก็รู้สึกว่าเป็นน้ำจืด จึงช่วยกันตักไว้จนพอ นายสำเภาจึงได้นิมนต์ให้ท่านขึ้นเรือสำเภา และตั้งแต่นั้นมาเจ้าสามีรามก็เป็นชีต้นหรืออาจารย์สืบมา เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยาได้ไปพำนักอยู่ที่วัดแค ศึกษาธรรมะที่วัดลุมพลีนาวาส ได้ย้ายไปพำนักที่วัดสมเด็จพระสังฆราชได้ศึกษาพระธรรมและภาษาบาลี จนแตกฉานแล้วจึงได้ทูลลาสมเด็จพระสังฆราชไปจำพรรษาที่วัดราชานุวาสในรัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ เจ้าสามีรามได้มีส่วนช่วยเหลือในการแปลปริฒนาธรรมจนสำเร็จ ได้พระราชทานให้เจ้าสามีราม เป็น “พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์
พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์” หรือ หลวงพ่อทวดได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดราชานุวาส ศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่หลายปี ด้วยควาสงบร่มเย็น ต่อมากรุงศรีอยุธยาได้เกิดโรคระบาดไปทั่ว ประชาราษฏรล้มป่วยตายเป็นจำนวนมาก จึงได้ละลึกถึงพระราชมุณีฯ มีรับสั่งให้ไปนิมนต์ท่านมา และได้ช่วยให้โรคระบาดหายด้วยอำนาจคุณความดีและคุณธรรมอันสูงสุด ได้เลื่อนท่านขึ้นเป็นพระสังฆราชนามว่า “พระสังราชคูรูปาจารย์”
ล่วงมาหลายปีจึงได้ขอทูลลากลับภูมิลำเนาเดิม ได้รุกขมูลธุดงค์ ก็ได้เผยแพร่ธรรมมะไปด้วยตามเส้นทางผ่านที่ไหนมีผู้ป่วยก็ทำการักษาให้ ตามแนวทางที่ท่านพำนักพักแรมที่ใด ที่นั่นก็เกิดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และท่านไดธุดงค์ไปจนถึงวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ เป็นจุดหมายปลายทาง ประชาชนต่างชื่นชมยินดีและได้ถาวยนามท่านว่า “สมเด็จเจ้าพะโคะ” และเรียกชื่อวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะว่า “วัดพะโคะ”
เมื่อสมเด็จเจ้าฯ เห็นวัดพระโคะเสื่อมโทรมเนื่องจากถูกข้าศึกทำลาย เมื่อบูรณะเสร็จได้จำพรรษาเผยแพร่ธรรมอยู่หลายพรรษา ท่านได้ออกจาริกเผยแพร่ธรรมะไปสถานที่ต่างๆ จากหลักฐานท่านได้ไปพำนักที่เมืองไทรบุรี ชาวบ้านเรียกว่า “ท่านลังกา” และได้ไปพำนักที่วัดช้างไห้ ชาวบ้านเรียกว่า “ท่านช้างไห้” ดังนั้นท่านได้สั่งแกลูกศิษย์หากท่านมรณภาพเมื่อใด ขอให้ช่วยนำศพไปทำการฌาปณกิจ ณ วัดช้างให้ ท่านมรณภาพด้วยโรคชรา สมเด็จเจ้าฯ ในฐานะพระโพธิศัตว์หน่อพระพุทธภูมิ ผู้ทรงศีลและปัญญาไม่ว่าท่านจะไปพำนักที่ใด ที่นั้นจะเป็นแหล่งศูนย์รวมการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ไม่ว่าท่านไปจาริกที่ใดมีคนกราบไหว้ฟังธรรม ฝากไว้เป็นธรรมทาน แด่อนุชนรุ่นหลัง ได้ศึกษาต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น